เขียนโดย- คุณ สุภาวิณี เชี่ยวชาญ บริษัทเอนไลเทิน คอร์ปเรชั่น จำกัด โทร 021717617
สัญญาบัตรเครดิต (Credit Card) คือ สัญญาระหว่างธนาคาร ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน รวมทั้งบริษัทในเครือของธนาคาร กับ ผู้สมัครบัตรเครดิต โดยธนาคารจะออกบัตรเครดิตให้แก่ผู้สมัครบัตรเครดิต เพื่อให้นำบัตรเครดิตไปใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้าและสถานบริการต่างๆที่เป็นสมาชิกของธนาคารหรือบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต หรือ ถอนเงินจากเครื่องอัตโนมัติ โดยธนาคารซึ่งเป็นเจ้าของบัตรบัตรเครดิตนั้นจะเป็นผู้ชำระเงินแทนให้ไปก่อนแล้วเรียกเก็บเงินดังกล่าวจากผู้สมัครบัตรเครดิตในภายหลังเมื่อครบกำหนดชำระเงิน โดยจะเรียกเก็บคืนพร้อมดอกเบี้ยในอัตราค่อนข้างสูง และค่าธรรมเนียมอื่นๆเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่ธนาคารได้ชำระเงินแทนให้ไปก่อน
การคำนวณดอกเบี้ยของธนาคาร โดยปกติจะได้รับเครดิตประมาณ 45-55 วัน (ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย) ขึ้นอยู่กับธนาคารผู้ออกบัตรเครดิต ซึ่งเมื่อพ้นระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยแล้ว ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปีกรณีใช้บัตรเครดิตในการจับจ่ายใช้สอย แต่ถ้าหากใช้ในลักษณะของการเบิกถอนเงินสดออกมามักจะเสียดอกเบี้ยสูงขึ้นประมาณ 25-28% เนื่องจากสามารถนำเงินสดไปลงทุนหรือใช้จ่ายต่างๆได้ทันที
ช่วงระยะเวลาใดจะเป็นระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยนั้น ให้สังเกตจาก ใบแจ้งยอดการใช้จ่ายบัตรเครดิต/ใบกำกับภาษี ในช่องสรุปยอดเงินถึงวันที่ (CLOSING DATE) และ ช่องกำหนดชำระเงินในวันที่ (PAYMENT DUE DAT ) กล่าวคือ ระยะระหว่างวันสรุปยอด (CLOSING DATE) จนถึงวันครบกำหนดชำระ คือ วันปลอดค่าติดตามทวงถามเท่านั้น ไม่ใช่วันปลอดดอกเบี้ยเสมอไป ตัวอย่างเช่น สรุปยอดเงินถึงวันที่ 9/8/13 กำหนดชำระเงินในวันที่ 24/8/13 ดังนั้นวันสรุปยอดคือทุกวันที่ 9 ของแต่ละเดือนและครบกำหนดชำระคือ ทุกวันที่ 24 ของเดือนเดียวกัน ซึ่งถ้าราใช้บัตรเครดิตภายในวันที่ 9 เราจะต้องชำระคืนในวันที่ 24 ในเดือนเดียวกัน (เดือน 8) ระยะปลอดดอกเบี้ยมีแค่ 15 วัน แต่ถ้าเราใช้บัตรเครดิตวันที่ 10 (เดือน 8) รายการจะขึ้นใบแจ้งยอดของเดือนต่อไป (เดือน 9) เราจึงรอชำระคืนวันที่ 24 เดือนถัดไป(เดือน 9) นั่นคือเราได้ระยะปลอดดอกเบี้ยถึง 44 วัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ใช้บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีวินัยที่จะชำระเงินให้ตรงตามกำหนดหรืออาจจะชำระเพียงบางส่วนเท่านั้น จึงทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากช่วงระยะเวลาปลดดอกเบี้ย ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง แม้บางท่านจะเลือกชำระแบบขั้นต่ำหากพิจารณาดีๆ เรายังต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารในอัตราที่ค่อนข้างสูงอยู่ดี เนื่องจากฐานคำนวณดอกเบี้ย ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดเต็มที่เราได้ใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการ และคำนวณดอกเบี้ยจากส่วนที่เรายังคงค้างชำระอีก หรือ หากมีการค้างชำระจากงวดก่อนๆก็คิด ดอกเบี้ยที่ค้างจากงวดก่อนด้วย กล่าวคือ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยที่ค้างจากงวดก่อน + ดอกเบี้ยตอนที่เราใช้บัตรเครดิต(ตนที่รูดบัตรเครดิต) + ดอกเบี้ยเงินต้นที่ค้าง จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตมีอัตราค่อนข้างสูง วิธีแก้คือ ท่านที่คิดจะสมัครบัตรเครดิตต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า มีวินัยในการชำระเงินให้กับธนาคารตรงตามกำหนดหรือไม่ หากท่านมีวินัยในการชำระเงินให้กับธนาคารท่านก็จะได้รับประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตอย่างคุ้มค่า